Winter Sorrow - Winter Sorrow นิยาย Winter Sorrow : Dek-D.com - Writer

    Winter Sorrow

    เรื่องสั้นเรื่องแรกครับ ฝากติชมด้วยน้า~

    ผู้เข้าชมรวม

    243

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    243

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ม.ค. 51 / 19:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ....................................
    ......................................................
    ..........................................................................................


    เอาเป็นว่าวันนี้ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไรก็ถามข้าแล้วกัน อ้อ! เรื่องเรียนช่วงบ่ายด้วยข้าจะเป็นคนสอนเองเตรียมตัวไว้ให้ดีละ


    นั่นมันนรกชัดๆ!!! ชายหนุ่มร้องประท้วง สอนเรอะ! แกล้งเขาต่างหากที่ถูกต้องกว่า

     
    ชายหนุ่มเดินลงส้นเท้าเสียงดังอย่างอารมณ์เสีย ตอนนี้ขอไปที่ไหนก็ได้ให้ห่างๆเสียงนี่ เพราะอีกไม่กั่วโมงเขาต้องพบเจอกับเจ้าของเสียงนี้แถมต้องอยู่ด้วยกันตั้งครึ่งวัน เชื่อสิว่าต้องเป็นครึ่งวันที่เหมือนฝันร้ายแน่ๆ




     
    ขอบใจ

    เสียงนั้นทอดหวานแผ่วเบา พัดพาเอาอารมณ์แย่ๆเมื่อกี้ให้หายไปราวกับสายลมพัดม่านหมากให้จางหาย



    ชายหนุ่มเดินจากไป แต่ครั้งนี้....ใบหน้าของเขาเจือด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน.......
     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      อากาศตอนกลางคือเริ่มเย็นขึ้นเมื่อเข้าสู่หน้าหนาว
      แต่ก็แค่ เย็น สำหรับคนผู้มาจาก ที่ หนาว
      หญิงสาวกระชับผ้าคลุมกาย ผ้าบางๆไม่อาจช่วย(บรรเทา)สกัดกันความเย็นที่ระเรี่ยบนผิวเนื้อ พอๆกับที่ความทรงจำไม่อาจบรรเทาความหนาวเย็นในหัวใจ
      กี่ครั้งแล้วที่หัวใจพองฟูด้วยความยินดีในความทรงจำแสนสุข กี่ครั้งแล้วที่ต้องทุกข์กับความจริงแสนเศร้า
      ความจริงที่แม้เวลาผ่านก็ยังป็นความทรงจำที่ทิ่มแทงให้เจ็บช้ำใจ
       
      คิดถึง คิดถึงมาก
      ใบหน้าหญิงสาวบอกเล่าความเจ็บปวดแม้ไม่มีน้ำตา
      ฉันคิดถึงคุณ จดจำทุกสิ่งทุกอย่างของคุณ แม้มันจะทำให้ฉันเจ็บปวด
       
      ดาเรียส
       
      ฉันหนาวเหลือเกิน
       
      ...........................................................................
       
      “ไอรายา”
      เสียงทุ้มห้าวดังก้องกังวานทั่วโถงทางเดินหินอ่อน รูปปั้นเทพธิดาซึ่งเรียงรายวิจิตรตระการตอบคำถามเขาด้วย การจ้องมองชายหนุ่มที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งในทางเดินอันมีเพียงคบไฟสลัวส่องทางด้วยสายตาอันว่างเปล่า(เย็นชา)
       
      “ไอรายา”
      เสียงของเขาดังก้องอีกครั้ง คราวนี้เจือไปด้วยความหงุดหงิดที่เพิ่มมากขึ้น  เขาหันมองไปรอบราวกับจะหาใครสักคนที่กำลังล่องหาอยู่หลังกำแพง แล้วก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อ รูปปั้นเทพธิดาที่เคยอยู่นิ่งๆหันขวับมามองชายหนุ่มผู้เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงสิ่งเดียวในทางเดินอันมีเพียงคบไฟสลัวส่องทาง
       
      “เจ้าน่าจะชินกับกลไกของที่นี่ได้แล้วนะ เคน”
      ชายหนุ่มเรียกสติตังให้เข้าที่ แล้วโต้ตอบกับรูปปั้น หรืออันที่จริงอะไรบางอย่างที่ทำงานเหมือนเครื่องกระจายเสียง ตามความเข้าใจของเขาละนะ ซึ่งทำเป็นรูปปั้นเทพธิดา ด้วยเสียงที่พยายามสุดขีดที่จะไม่สั่น
      “ให้อยู่ทั้งชาติก็ไม่มีทางชินได้หรอก”
       
      แปลกที่เสียงนั้น ซึ่งเข้ารู้จักเป็นอย่างดีว่ามีนิสัยชอบกวนประสาทคนมากแค่ไหน ยอมรับอย่างง่ายๆ
      “ก็จริงนะขนาดคนที่อยู่ที่นี่มานานยังหลงหายไปเป็นเดือนจนเกือบเป็นผีเฝ้าปราสาทอยู่แล้ว”
       
      “ใครล่ะ พนันได้เลยว่าไม่ใช่ท่าน”
      “แน่ละ ก็ข้าเป็นวางแผนผังที่นี่กับมือนี่! อยากรู้ไหมว่าใคร?“
      “ไม่อยาก สิ่งเดียวในตอนนี้ที่ข้าอยากรู้มีแค่ ไอรายาอยู่ที่ไหน”
      พนันได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าผิดหวังที่เขาไม่สนใจ ไอ้เรื่องได้ผสมโรงล้อเลียนคนผู้โชคร้าย(ที่ไม่ใช่ตัวเอง)นั่นจะน่าสนุกก็เถอะ แต่ตอนนี้เขามีเรื่องอื่นสำคัญกว่า
       
      “วันนี้มีอะไรกินน้า”
      เสียงนั้นแกล้งเฉไฉ พนันได้เลยว่าเพื่อแกล้งกวนประสาทเขาอีกแน่
      “จะไปรู้ได้ไง แล้วไอ...”
      “ข้าอยากกินเสต็กเนื้อลูกแกะจังเลยนะ”
      “รา....”
      “ไม่รู้ว่ามีไวน์ดีๆเหลืออยู่รึเปล่า?”
      “ยา....”
      “แต่เบียร์ก็ไม่เลยนะ”
       
      “เอซาเร!”
      “เจ้าว่าอย่างไหนดีกว่ากันละ?”
       
      อยากจะเป็นบ้า!!!!
       
      เคน พยายามนับนับตั้งแต่หนึ่งถึงอินฟินิตีในใจ   ของที่เขาจะชอบเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นที่ไม่ใช่เอซาเร !
       
      แต่เมื่อใจเย็นลงและฉลาดพอที่จะทำหูทวนลมกับเสียงที่ยังจ้อไม่หยุดนั้น กลับพบอะไรที่น่าประหลาด
      นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตามหาไอรายา เธอเป็นอาจารย์ของเขา และเขาก้เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของเธอ คนทั้งปราสาทชินตากับภาพผู้ฝึกหัดหนุ่มวิ่งโร่ตามหาอาจารย์ผู้ซึ่งชอบแว่บหายไปบ่อยๆ ทุกคนมักจะบอกคำตอบแก่เขาไปเว้นแม้แต่คนบ้าๆอย่างเอซาเร แต่ครั้งนี้ดูเหมือน’เธอ’กำลังหลีกเลี่ยงการตอบเขา
       
      กำลังพยายามทำอย่างสุดความสามารถเสียด้วยถึงแม้จะดูกวนๆ ชวนให้กระทืบปากก็เถอะ
       
      “เอซาเร”
      เคนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบกว่าเคย เสียงที่คนรู้จักเขารู้ว่าเป็นการเตือนว่าไม่มีอารมณ์มาเล่นสนุกด้วย  เสียงของเอซาเรเงียบไปชั่วครู่ แต่เคนแน่ใจว่าเขาได้ยินเสียงสบถเบาๆด้วย
       เขารอ......แล้วก็เป็นอีกฝ่ายที่ยอมแพ้
       
      “วันนี้หิมะตก ”
      เขาทำหน้าพิลึกอย่างที่ถ้าอีกฝ่ายมาเห็นคงหัวเราะดังลั่นทั่วปราสาทพร้อมโพนทะนาไปสามวันเจ็ดวัน
      แต่เขาไม่ต้องงอยู่นานว่าหิมะมันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย
      “ไอรายา...มี.........อะไรที่ไม่ค่อยน่าจดจำนักเกี่ยวกับหิมะ...ยิ่งเป็นหิมะแรกของฤดูอย่างวันนี้ด้วย..........ที่จริงจะว่าไม่น่าจดจำก็ไม่ใช่ มันเป็นความทรงจำที่ไม่อาจลืมเสียมากกว่า และเพราะลืมไม่ได้มันถึงได้........................”
      เงียบกันไปอึดใจ ฝ่ายเอซาเรคงเงียบเพื่อระลึกความหลัง แต่กรณีของเคน มันเพราะเขากำลังเกินอาการงงบวกตะลึงมากกว่าว่าคนอย่างเอซาเรจะพูดอึกอักใช้คำขาดๆหายๆ ราวกับไม่แน่ใจว่าควรอธิบายยังไงอย่างนี้ หรือไม่ก็เพราะเสียงที่เธอพูดออกมานั้นเจือความเศร้าไว้อย่างที่เขาไม่เคยได้รุ้มาก่อนอย่างนี้
      “เอาเป็นว่าข้าจะไม่ไปกวนไอรายาช่วงนี้แล้วกัน”
      เขาสรุป เขาเนี่ยแหละที่พูดขึ้นมาก่อนเพราะทนกับความเงียบไม่ไหว เอซาเรที่ปิดปากเงียบแบบนี้เขาไม่เคยพบเคยเห็นแล้วก็ไม่อยากทั้งพบทั้งเห็นหรือฟังด้วย
      เพราะสื่อสารกันโดยไม่เห้นหน้าของแต่ละฝ่าย ชายหนุ่มจึงไม่รู้ว่าคู่สนธนานั้มีสีหน้าอย่างไรในตอนนี้ อาจจะโล่งใจที่เขาไม่ถามจุ้นจ้านเรื่องของไอรายา อาจารย์ของเขาและเพื่อนของเธอ 
      “เอาเป็นว่าวันนี้ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไรก็ถามข้าแล้วกัน อ้อ! เรื่องเรียนช่วงบ่ายด้วยข้าจะเป็นคนสอนเองเตรียมตัวไว้ให้ดีละ”
      “นั่นมันนรกชัดๆ!!! ชายหนุ่มร้องประท้วง สอนเรอะ! แกล้งเขาต่างหากที่ถูกต้องกว่า
       
      ชายหนุ่มเดินลงส้นเท้าเสียงดังอย่างอารมณ์เสีย ตอนนี้ขอไปที่ไหนก็ได้ให้ห่างๆเสียงนี่ เพราะอีกไม่กั่วโมงเขาต้องพบเจอกับเจ้าของเสียงนี้แถมต้องอยู่ด้วยกันตั้งครึ่งวัน เชื่อสิว่าต้องเป็นครึ่งวันที่เหมือนฝันร้ายแน่ๆ
       
      “ขอบใจ”
      เสียงนั้นทอดหวานแผ่วเบา พัดพาเอาอารมณ์แย่ๆเมื่อกี้ให้หายไปราวกับสายลมพัดม่านหมากให้จางหาย
      ชายหนุ่มเดินจากไป แต่ครั้งนี้....ใบหน้าของเขาเจือด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

      ..............................................................................................................................

      Writer Just Talk
      ขอสารภาพอย่างหนึ่งว่านี่เป็เรื่องเราเขียนสดๆโดยไม่ได้คิดโครงเรื่องไว้เลย  ตอนแรกๆก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเศร้าเนอะ ที่จริงตอนนั้นเราคงมีโครงเรื่องในใจอยู่ แต่ปัญหาในตอนนี้คือเราลืมมันไปหมดแล้ว! -_-!  ทำไงดีละทีนี้ เอาเป้นว่าถ้าเนื้อเรื่องหลังจากนี้มันรั่วๆไปซักหน่อยก็อย่าถือสาหาความกันเลยนะจ๊ะ  ^_^
      ..............................................................................................................................

      เอซาเรถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อชายหนุ่มร่างสูง  อย่างน้อยก็สูงกว่าเธอแน่ๆซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจเอามากๆ เดินลับไปจาขอบเขตการมองเห็น ตอนนี้ศรีษะของรูปปั้นเทพธิดาคงกลับคืนรูปตามเดิมแล้ว  สีหน้าของเคนตอนเห็นหัวรูปปันขยับได้ดูตลกดี แล้วเธอก็ชอบเขาแบบตลกๆนั้นมากกว่าตอนที่เขาใช้เสียงราบเรียบและท่าทีสงบนิ่งแบบนั้น มันทำให้เธอคาดเดาเขาไม่ได้หมือนเคย 

      เคนไม่เคยรู้ว่าตัวเขาในแบบนั้นเป็นประเภทที่เธอแพ้ทางมากที่สุด และแน่นอนว่าเอซาเรไม่มีทางบอกเขาเรื่องนี้นอกเสียจากว่าเธออยากจะหัวปั่นเพราะถูกเขาเอาคืน

       

      เอซาเรเบือนหน้าไปยังหน้าต่าง มีเรียวขาวซีดดังหิมะที่ตกอยู่ข้างนอกทาบบนผิวกระจกเย็นๆ

      ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองไปไกล  แม้จะมองไม่เห็นแต่เธอก็มั่นใจว่าข้างนอกปราสาท  ท่ามกลางหิมะที่โหรยปรายลงมามีร่างของหญิงสาว งามระหง  และเต็มไปด้วยความสง่าของนางพญา ยืนอย่างอ้างว้าง

       

      5ปีแล้วนะไอรายา เธอก็ยังจมอยู่ในหิมะสีเทาที่ทับถถมอยู่ในความทรงจำอยู่อย่างนั้นหรือ?

      .............................................................................................................................................................
       
      ประมาณ 6 ปีก่อนหน้านี้

      ฉัวะ

      เสียงดาบฟาดฟันเลือดเนื้อมนุษย์ด้วยกันดังขึ้นเบาๆแหวกความเงียบงันยามราตรี  ไร้ซึ่งเสียงดิ้นรนร้องขอชีวิต การสังหารเต็มไปด้วยความเรียบง่าย สงบ และเยือกเย็น เหมือนดวงตาสีฟ้าซีดของมือสังหารที่มองเหยื่อ

      ไร้ซึ่งความรู้สึกหรือร่องรอยของอารมณ์ใดๆสะท้อนในแววตาคู่นั้น

       

      จตุรเทพาทั้งสี่  เป็นตัวแทนธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ  ขึ้นตรงกับกีอาซึ่งเปรียบดังธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่  ผู้ที่เป็นทั้งมารดาและผู้ที่คอยปกปักษ์โลกใบนี้

      นั่นคือสิ่งที่ตำนานเล่าขาน  แล้วในความเป็นจริงเล่า?  ความจริงนั้นเป็นเช่นไร

      ความเป็นจริงข้อแรก  เทพาแห่งวารี ซึ่งจะเรียกว่าเทพาก็ไม่ถูก พราะเธอสมควรถูกเรียกว่าเทพีมากกว่า  ดวงตาสีฟ้าซีดอมเทา  เส้นผมสีน้ำเงินเข้ม สีของน้ำทะเลลึก  ปลิวสยายตัดกับดวงจันทร์กลมโตบนท้องนภา  ของเหลวสีแดงสดยังเปื้อนใบดาบ แต่กลับไปหยดลงสู่พื้นดิน ราวกับว่าดาบนั้นกำลังดูดซับเลือดนั้นเอาไว้ เลือดจากการปฏิบัติงานที่เพิ่งผ่านไปอย่างสดๆร้อนๆ

      นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ผู้ที่ได้ตำแหน่งเทพาแห่งวารีมีหน้าที่รับจ้างฆ่าเป็นวิชาชีพ  ถึงจะไม่ค่อยมีใครรู้จักต่ำแหน่งแรกนัก เพราะถ้าชาวประชารู้เรื่องกันทั่วว่าเทวาแห่งน้ำผู้อ่อนโยนเป็นนักฆ่าคงจะเลิกเชื่อตำนาน ไม่ก็คนที่เขียนบันทึกตำนานนั่นอย่างถาวรแน่ๆ หรือไม่ก็คงมีการประชาทัณฑ์หมู่ข้อหาเผยแพร่เรื่องเท็จจนกลายเป็นความเชื่อฝั่งหัวทุกชนชาติบนโลกใบนี้

      ยังมีเทวาอีก 4 ที่มีความจริงอีกมากมายที่ยังเป็นความลับ แต่นั่นยังเป็นอีกเนื้อเรื่องหนึ่งที่ยังห่างไกลจากเรื่องราวนี้

       

      เอซาเร แห่งวารี เทพีผู้เป็นเจ้าของสายธารทั้งปวงและมหาสมุทรเอเซียสอันกว้างใหญ่ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปและผู้ที่หลบเร้นในโลกมืดว่า เรเซีย  ไอซ์  นักฆ่าผู้ซึ่งไม่เคยมีเหยื่อคนไหนรอดมือไปได้  การลงมือสังหารทุกครั้งเป็นไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ  ดวงตาสีฟ้าซีดที่ผู้ไดสบตาเข้าก็ราวกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ

       

      เรเซียมองผลงานในคราวนี้ด้วยดวงตาเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์  เหยื่อคราวนี้เป็นชายร่างอ้วน  ผมเกือบล้านทั้งศรีษะ  แต่ที่เธอสนใจไม่ใช่รูปร่างลักษณะ  เธอเดินไปใกล้ร่างนั้น ตรวจดูชีพจรอย่างใจเย็น ถึงจะมั่นใจในฝีมือ แต่ก็ต้องตรวจสอบเพื่อความแน่นอน  นี่แหละเทพีแห่งวารีผู้รอบคอบเสมอต้นเสมอปปลาย

      เมื่อตรวจจนพอใจ  หล่อนก้ดินจากไปแล้วชายคนนี้ก็จะเลือนหายไปในความทรงจำ เหยื่อที่ถูกจัดการไปแล้วไม่มีคุณค่าอะไรรต่อการจดจำให้เปลืองสมอง

       

      ร่างระหงเดินห่างออกไป จนความมืดยามราตรีครอบคลุมร่างทั้งหมดปล่อยให้จันทราเฝ้ามองทุกสิ่งอย่างเดียวดาย

      แอ้ด

      ประตูไม้ส่งเสียงดังรำคาญหูทุกครั้งที่เธอเปิดมัน  ห้องพักเล็กๆแถบชานเมืองไม่ได้ดีเด่อะไรนัก  มีเพียงเตียงนอนขนาดนอนสองคนทำจากไม้ผุๆ ปูด้วยผ้าฝ้ายขาวสะอาด ในห้องน้ำมีถังอาบรองรับน้ำที่ต่อเข้ามาด้วยท่อไม้ไผ่ มุมเล็กด้านหนึ่งของห้องมีฉากกันกับกระจกบานไม่ใหญ่มากนักสำหรับแป็นที่แต่งตัว มีเก้าอี้และโต๊ะวางเล็กๆที่ระเบียงด้านนอก  อาณาบริเวณออกจะกว้างไปสักหน่อยสำหรับผู้หญิงตัวเล็กคนเดียว แต่เรเซียก้ไม่ได้เรื่องมากอยู่แล้ว ขอแค่มีที่นอนที่อาบน้ำ และที่สำคัญ สงบเงียบไร้ผู้คนผลุกผล่านและเสียงอึกทึกเธอก็อยู่ได้ทั้งนั้น

       

      กลับมาแล้วหรือไอรายา

      เสียงหนึ่งดังแทรกความเงียบ  แต่เธอทำเพียงชำเลืองมองต้นเสียงเล็กน้อยแล้วเปลื้องอาภรณ์จากร่าง โดยไม่ใส่ใจผิดวิสัยนักฆ่าที่ควรระแวดระวังทุกฝีก้าว  เรเซียได้ยินเสียงผู้บุกรุกถอนหายใจพรืด

      นี่ถ้าเป็นผู้ชายบุกรุกเข้ามามีหวังไอรายาไปเป็นเจ้าสาวให้ใครที่ไหนไม่ได้แน่ ทั่วห้องสว่างพรึ่บด้วยดวงไฟเวท ที่ค่อยๆลอยไปติดตะเกียงตามมุมต่างๆของห้อง  เกิดเป็นแสงที่ไม่เจิดจ้าเท่าตอนแรก แต่ก็เป็นแสงอ่อนนวลตา 

      เผยร่างงามไร้อาภรณ์ใดปิดบัง ผิวขาวเนียนสวย สีเสมอกันทั่วทั้งร่าง  ส่วนเว้าส่วนโค้งนุ่มนวล และแต่งตึงตามวัยสาว ที่เป็นนิรันดร์  ใบหน้าล้อมกรอบด้วยเส้นผมเส้นเล็กนุ่มดังเส้นไหมสีน้ำเงินเข้มยาวสยายทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง เส้นผมบางปอยคลอเคลียบนไหล่ลาดมนและบดบังทรวงอก เอาไว้  ขนตายาวงอนกระพริบถี่ปรับสายตาตามแสงที่เกิดขึ้นกระทันหัน ดวงตาสีฟ้าซีดมีริ้วรอยของอารมณ์บางๆ  อารมณ์ที่เรียกว่าความคิดถึง ความรู้สึกที่เรียกว่าความผูกพันธ์ แต่ทั้งหมดที่เทพีแห่งวารี  นักฑาแห่งฟารีเซียทำแค่พูดออกไปว่า

      มาทำไม เอซาเร

      บนเตียงนอนปูด้วยผ้าฝ้ายสีขาวมีกลุ่มไหมสีน้ำตาลหยักเป็นลอนคลื่นกระจายไปทั่ว  ผ้าเนื้อเบาสีครีมบดบังเรือนร่างที่งดงามไม่แพ้เจ้าของห้อง ผิวของเธอผู้นั้นคล้ำกว่า ดวงตาสีเขียวพฤกษาเป็นประกายสดใส หากไอรายาเป็นฤดูเหมันต์ คนๆนี้ก็เป็นดังฤดูใบไม้ผลิที่ร่าเริง ใบหน้าที่มีเค้าโครงคล้ายกันตวัดค้อนอย่างเง้างอน

      ไม่ได้เจอกันตั้งนานถามแค่มาทำไมเนี่ยนะ ช่วยแสดงอาการดีใจกว่านี้หน่อยสิ คนเขาอุตส่าห์คิดถึง

      ....เจ้าหญิงเหมันต์ยังเงียบ แต่สีหน้ายุ่งยากใจ

      ร่างบนเตียงเดินเข้ามาหา  กอดร่างไร้อาภรณ์นั้นอย่างอ่อนโยน  มือเรียวสีน้ำผึ้งลูบผมสีน้ำเงินเข้มเบาๆราวกับแม่กอดรับขวัญลูก

      เวลาแบบนี้นะ แค่ยิ้ม แล้วบอกว่ายินดีต้อนรับนะ

      "ยินดี แต่ไม่ค่อยอยากต้อนรับค่ะ"
      บรรยากาศ(เกือบ)ดีๆพังครืน

      ดวงตาสีเขียวกรอกตามองเพดาน พึมพำเนื้อความประมาณว่าแช่งชักหักกระดูกเทวดาฟ้าดิน
      ลืมไปว่าในบรรดาพี่น้องทั้งหมดไอรายาเป็นคน "ตรง" ที่สุด แม้แต่แสแสร้งแกล้งดีใจรับมุกสักหน่อยก็ทำไม่เป็น

      ไอรายา หรือเรเซีย ไอซ์ ไม่สนใจ เธอเดินเข้าห้องน้ำหน้าตาเฉย

      ไอ้นิสัยไม่สนใจชาวบ้านแบบนี้ด้วย ให้ตายสิ ไปได้นิสัยแบบนี้มาจากใครที่ไหนกันนะ
      ..............................................................................................................................................................
      "
      "ตกลงว่า...มาหาทำไม"
      คนพูดน้อยเอ่ยถาม
      แต่คนที่ควรตอบคำถามหันหน้าหนีไปกอดหมอนข้างอย่างงอนๆ
      สาเหตุนะเหรอ มันก็มาจาก...........

      หลังจากอาบน้ำเสร็จ ไฮรายาแต่งตัวด้วยชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาว แต่เมื่อทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนกลับได้ยินเสียงดังแอ้ก 
      ผ้าห่มถูกกระชากเต็มแรงของคนที่อยาจะนอนเต็มที เผยให้เห็นร่างของผู้มาเยือนนอนหลับตาพริ้ม  กางแขนขา กินที่เตียงที่แต่เดิมก็ไม่ได้กว้างสักเท่าไหร่

      หญิงสาวพยายามจะแงะ คนนอนกินที่ออกไป แต่ร่างนั้นก็ยังเกาะติดหนึบกับเตียง ได้ยินเสียงกรนเบาๆอีกต่างหากทั้งๆที่น่าจะจุกที่โดนเธอล้มทับไปตอนนั้นแท้ๆ 

      "......"







      โครม!!!!!!





      "ทำอะไรนะ ไอรายา!"
      คนที่แกล้งหลับร้องโวยวายเมื่อโดนถีบลงจากเตียง

      แต่คนถีบก้าวขึ้นเตียง คลี่ผ้าห่มคลุมร่างเรียบร้อยโดยไม่สนใจคนถูกถีบแม้แต่น่อย
      "จะนอน"
      "ไม่ให้นอน!"

      "...."
      "ตื่นๆๆๆๆๆ ตื่นเดี๋ยวนี้นะ ไอรายา" ไม่ว่าเปล่า มือยังเขย่าตัวคนอยากนอนจนน่ารำคาญ

      จนท้ายที่สุดไอรายาก็ทนไม่ไหว ขอยอมแพ้มานั่งถ่างตาฟัง


      ถ้าคนเล่าเลิกงอนแล้วยอมเล่าให้ฟังน่ะนะ


      "ถ้าไม่เล่าจะนอนแล้วนะ"
      "เล่าแล้วๆ"

      เอซาเรยอมเลิกเล่น เมื่อหญิงสาวทำท่าจะคว้าผ้าห่มเตรียมนอน
      "คือ...ที่มาเนี่ย...ก็เพราะว่า...."
      "เราเพราะว่า........"

      "พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะ"

      ไอรายาหันหลังให้คู้สนธนา  ล้มตัวลงนอน แล้วไม่ตื่นเลยจนกระทั่งเช้าไม้ว่าคนข้างๆจะส่งเสียงหนวกหูยังไงก็ตาม

      .............................................................................................................................................................





      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×